บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก มกราคม, 2019

สนธิสัญญาไซเตส

รูปภาพ
สนธิสัญญาไซเตส อนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์  ( อังกฤษ :  Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora ) หรือเรียกโดยย่อว่า  ไซเตส  ( CITES ) และเป็นที่รู้จักในชื่อ  อนุสัญญากรุงวอชิงตัน  (Washington Convention) เป็น สนธิสัญญา ซึ่งเริ่มใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2518 ในปี พ.ศ. 2516  สหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและทรัพยากรธรรมชาติ  (IUCN) ได้จัดการประชุมนานาชาติขึ้นที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อร่างอนุสัญญาดังกล่าว มีผู้เข้าร่วมประชุม 88 ประเทศ แต่มีผู้ลงนามรับรองอนุสัญญาฉบับนี้ทันทีเพียง 22 ประเทศ สำหรับ ประเทศไทย ได้ส่งผู้แทนเข้าร่วมประชุมด้วย แต่มาลงนามรับรองอนุสัญญาในปี พ.ศ. 2518 และให้สัตยาบันในวันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2526 นับเป็นสมาชิกลำดับที่ 80 ปัจจุบัน ไซเตสมีภาคีทั้งสิ้น 181 รัฐ (ณ พฤษภาคม 2558) เป้าหมายของไซเตส คือ การอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์ป่าและพืชที่ใกล้จะสูญพันธุ์หรือถูกคุกคาม ทำให้ปริมาณร่อยหรอจนอาจเป็นเหตุให้สูญพันธุ์ วิธีการอน...

Cop24

รูปภาพ
Cop24 COP24 จัดขึ้นที่เมืองคาโตวิตเซ เมืองสำคัญทางประวัติศาสตร์ทางภาคใต้ของโปแลนด์ ระหว่างวันที่ 3-14 ธ.ค. ถือเป็นครั้งที่ 4 ที่โปแลนด์ร่วมเป็นเจ้าภาพจัดประชุม... ความพยายามมีส่วนร่วมแก้ปัญหาโลกร้อนอย่างจริงจังของรัฐบาลโปแลนด์น่าสนใจยิ่ง เพราะโปแลนด์คือชาติผู้ผลิตถ่านหินรายใหญ่ที่สุดของสหภาพยุโรป โปแลนด์อาศัยพลังงานถ่านหินใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าหล่อเลี้ยงผู้คนในประเทศมากถึง 80 เปอร์เซ็นต์ จากเคยใช้ถ่านหินผลิตกระแสไฟฟ้ามากถึง 96 เปอร์เซ็นต์เมื่อช่วงปี 2533 เปรียบเทียบกับชาติสมาชิกทบวงพลังงานระหว่างประเทศอื่นๆพึ่งพาพลังงานไฟฟ้าจากถ่านหินมากเฉลี่ย 30 เปอร์เซ็นต์ เฉพาะแรงงานอุตสาหกรรมผลิตถ่านหินในโปแลนด์มีมากราว 90,000 คน หรือราวครึ่งหนึ่งของแรงงานอุตสาหกรรมผลิตถ่านหินทั่วทั้งสหภาพยุโรป รัฐบาลโปแลนด์ยอมรับอุตสาหกรรมผลิตถ่านหินในประเทศเสมือน “ทองคำสีดำ” โลกรู้กันดีว่าปัญหาการเผาถ่านหินเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าเกี่ยวข้องส่งผลต่อการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ทำลายชั้นบรรยากาศโลกมากเกือบครึ่งหนึ่งของแหล่งอื่นๆ เป้าหมายของกลุ่มชาติสหภาพยุโรป หรือ อียู ต้องการลดปล่อยก๊าซทำลายชั้นบรรยากาศ...

สนธิสัญญารีโอเดจาเนโร

รูปภาพ
สนธิสัญญารีโอเดจาเนโร ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกซึ่งก่อให้เกิดผลร้ายต่อมนุษย์ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศดังกล่าว ส่วนใหญ่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ก่อให้เกิดก๊าซซึ่งไปเพิ่มปฏิกิริยาเรือนกระจก (GREEN HOUSE EFFECT) ในชั้นบรรยากาศ ที่ทำให้ความหนาแน่นของก๊าซเรือนกระจกในบรรยากาศเพิ่มมากขึ้นจากที่มีอยู่แล้วในธรรมชาติเป็นอย่างมาก ผลของก๊าซเรือนกระจกดังกล่าวจะทำให้โลกมีอุณหภูมิสูงขึ้นหรือที่เรียกกันว่า “ภาวะโลกร้อน” ทั้งที่ผิวโลกและในบรรยากาศ เป็นเหตุให้โลกร้อนขึ้นและน้ำแข็งขั้วโลกละลาย ระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้นและท่วมบริเวณที่ต่ำ ชายฝั่งทะเล ภูมิอากาศจะแปรเปลี่ยนไปด้วย อุณหภูมิที่สูงขึ้นดังกล่าวจะส่งผลกระทบระบบนิเวศทางธรรมชาติและต่อมวลมนุษย์ด้วย การปล่อยก๊าซเรือนกระจกส่วนใหญ่มาจากในประเทศที่พัฒนาแล้ว ในขณะที่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกในประเทศกำลังพัฒนายังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ต่ำแต่ก็มีแนวโน้มสูงขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการด้านสังคมและการพัฒนาของตน ประเทศต่าง ๆ จึงควรร่วมมือแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโดยการควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่อากาศและกำจัดก๊าซบางชนิดให้ลดลง เนื่อ...