อาเซียน

อาเซียน ASEAN

อาเซียนคืออะไร ?
   เกิดจากการรวมตัวกันของ 10 ประเทศ อันได้แก่ มาเลเซีย, พม่า, กัมพูชา, ลาว, ไทย, สิงคโปร์, เวียดนาม, บรูไนดารุส-ซาลาม, ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ซึ่งรายนามประเทศเหล่านี้เป็นประเทศที่ตั้งอยู่ในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งสิ้น โดยอาเซียน มีชื่อเรียกเต็มๆ ว่า "Association of Southeast Asian Nations" หรือ "สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้"
  1. ส่งเสริมความร่วมมือและความช่วยเหลือซึ่งกันและกันในทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม เทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ และการบริหาร 
  2. ส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคงส่วนภูมิภาค 
  3. เสริมสร้างความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจพัฒนาการทางวัฒนธรรมในภูมิภาค 
  4. ส่งเสริมให้ประชาชนในอาเซียนมีความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตที่ดี 
  5. ให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ในรูปของการฝึกอบรมและการวิจัย และส่งเสริมการศึกษาด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
  6. เพิ่มประสิทธิภาพของการเกษตรและอุตสาหกรรม การขยายการค้า ตลอดจนการปรับปรุงการขนส่งและการคมนาคม
  7. เสริมสร้างความร่วมมืออาเซียนกับประเทศภายนอก องค์การ ความร่วมมือแห่งภูมิภาคอื่นๆ และองค์การระหว่างประเทศ                                                                                                                                     
ข้อมูล ASEAN ที่ควรรู้
  • เมื่อปี 2554 ประเทศในภูมิอาเซียนมีประชากรรวมกันมากถึง 620 ล้านค้น
  • ภูมิภาคอาเซียนมีอาณาเขตพื้นที่รวมกันทั้งสิ้น 4.5 ล้านตารางกิโลเมตร
  • ในภูมิภาคอาเซียนมีประชากรที่นับถือศาสนาแตกต่างกันทั้งพุทธิ อิสลาม คริสต์ และฮินดู
  • ประเทศในภูมิภาคที่มีประชากรนับถือศาสนาอิสลามมากที่สุด คือ อินโดนีเซีย และประเทศที่มีประชากรนับถือศาสนาคริสต์มากที่สุด คือ ฟิลิปปินส์
  • ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียนมีมูลค่าทางเศรษฐกิจโดยรวม เท่ากับ 2.1 ล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐ นับว่าเป็นอันดับที่ 9 ของโลก
  • ค่าการส่งออกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีมูลค่ารวม 2.0 ล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐ                           
ตราสัญลักษณ์อาเซียน
  • รวงข้าวสีเหลือง 10 ต้น หมายถึง ความใฝ่ฝันของบรรดาสมาชิกในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ทั้ง 10 ประเทศ ให้มีอาเซียนที่ผูกพันกันอย่างมีมิตรภาพและเป็นหนึ่งเดียว
  • วงกลม หมายถึง เอกภาพของอาเซียน
  • ตัวอักษร "asean" สีน้ำเงินใต้ภาพรวงข้าว หมายถึง ความมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกันเพื่อความมั่นคง สันติภาพ เอกภาพ และความก้าวหน้าของประเทศสมาชิกอาเซียน                                                                                                                    ธงประจำแต่ละประเทศสมาชิก
สาระสำคัญของกฎบัตรอาเซียนมีด้วยกัน 13 หมวด
  • หมวดที่ 1 ความมุ่งประสงค์และหลักการของอาเซียน
  • หมวดที่ 2 สภาพบุคคลตามกฎหมายของอาเชียน
  • หมวดที่ 3 สมาชิกภาพ (รัฐสมาชิก สิทธิและพันธกรณีของรัฐสมาชิก และการรับสมาชิกใหม่
  • หมวดที่ 4 โครงสร้างองค์กรของอาเซียน
  • หมวดที่ 5 องค์กรที่มีความสัมพันธ์กับอาเซียน
  • หมวดที่ 6 การคุ้มกันและเอกสิทธิ์
  • หมวดที่ 7 กระบวนการตัดสินใจ
  • หมวดที่ 8 การระงับข้อพิพาท
  • หมวดที่ 9 งบประมาณและการเงิน
  • หมวดที่ 10 การบริหารและขั้นตอนการดำเนินงาน
  • หมวดที่ 11 อัตลักษณ์และสัญลักษณ์ของอาเซียน
  • หมวดที่ 12 ความสัมพันธ์กับภายนอก
  • หมวดที่ 13 บทบัญญัติทั่วไปและบทบัญญัติสุดท้าย
อาเซียนส่งผลอย่างไรต่อประเทศไทย ?
ประชาคมอาเซียน หรือ สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Association of South East Asian Nations : ASEAN)   เป็นองค์กรระหว่างประเทศระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีจุดเริ่มต้นโดยประเทศไทย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ ได้ร่วมกันจัดตั้ง สมาคมอาสา (Association of South East Asia) เมื่อเดือน ก.ค.2504 เพื่อการร่วมมือกันทาง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม แต่ดำเนินการไปได้เพียง 2 ปี ก็ต้องหยุดชะงักลง เนื่องจากความผกผันทางการเมืองระหว่างประเทศอินโดนีเซียและประเทศมาเลเซีย จนเมื่อมีการฟื้นฟูสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศ จึงได้มีการแสวงหาหนทางความร่วมมือกันอีกครั้งสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้   ถือกำเนิดขึ้นโดย "ปฏิญญากรุงเทพ" (Bangkok Declaration) หรือ "ปฏิญญาอาเซียน" (ASEAN Declaration) เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2510 โดยมีสมาชิกเริ่มแรกเพียง 5 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์ และไทย มีจุดประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางด้านการเมือง เศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยกันเอง ภายหลังจึงได้มีอีก 5 ประเทศสมาชิกเข้าร่วมเพิ่มเติม จึงทำให้ "อาเซียน" มีสมาชิกเป็น 10 ประเทศดังเช่นในปัจจุบัน


   ในการจัดตั้งอาเซียน ภายในปฏิญญากรุงเทพ (Bangkok Declaration) ได้ระบุวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งเอาไว้ถึง 7 ข้อ อันได้แก่   นอกจากอาเซียนนั้นจะมีความน่าสนใจในแง่ของความร่วมมือกันด้านต่างๆ ของทั้ง 10 ประเทศแล้ว อาเซียน ยังมีข้อมูลอีกบางประการที่เราควรจะต้องรู้เอาไว้ เผื่อว่าคุยกับใครๆ จะได้รู้เรื่อง !
"สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" หรือ "อาเซียน" ใช้สัญลักษณ์เป็นรูปมัดรวงข้าวสีเหลืองบนพื้นวงกลมสีแดง ล้อมรอบด้วยวงกลมสีขาวและสีน้ำเงินตราสัญลักษณ์อาเซียนซึ่งนอกจากตราสัญลักษณ์ที่จะช่วยสร้างความเข้าใจในความเป็นอาเซียนแล้ว สีที่ใช้ก็ยังมีส่วนที่ช่วยเสริมให้อาเซียนมีพลัง สามารถดำเนินไปได้ด้วยความอดทน และมีความเชื่อมั่นซึ่งกันและกันสีที่ใช้ในตราสัญลักษณ์อาเซียน

สีเหลือง หมายถึง ความเจริญรุ่งเรือง 
สีแดง หมายถึง ความกล้าหาญและการมีพลวัติ 
สีขาว หมายถึง ความบริสุทธิ์ 
สีน้ำเงิน หมายถึง สันติภาพและความมั่นคง

ธงอาเซียน   นอกจากนั้น "สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" ยังได้กำหนดให้ทุกๆ วันที่ 8 สิงหาคมของทุกปีเป็น "วันอาเซียน" อีกทั้งยังมีเพลงประจำอาเซียนที่ชื่อว่า ASEAN Way" สำหรับขับร้องในวันที่ 8 อีกด้วยแน่นอนว่าการอยู่รวมกันเป็นหมู่มากอาจทำให้เกิดปัญหาที่ยากต่อการควบคุม เช่นเดียวกันกับการที่แต่ละประเทศในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตัดสินใจเข้ามาอยู่รวมกันเพื่อจุดมุ่งหมายที่เหมือนกัน แต่ก็ยังมีความต่างทั้งในด้านของพื้นที่ เชื้อชาติ ประชากร และการดำรงชีวิต ที่จำเป็นจะต้องปรับเปลี่ยนให้ดำเนินไปในแนวทางเดียวกันได้ "สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" จึงได้ร่างเป็น "กฎบัตรอาเซียน" ที่เปรียบเสมือนกับรัฐธรรมนูญของอาเซียน โดยภายในได้รวบรวมเอาค่านิยม หลักการ การทำงานของอาเซียนซึ่งเป็นหลักปฏิบัติที่สำคัญอย่างเป็นทางการบันทึกไว้ ตลอดจนขอบเขตและหน้าที่ความรับผิดชอบขององค์ที่สำคัญในการขับเคลื่อนการทำงาน ความสัมพันธ์ อีกทั้งภารกิจที่สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงในโลกปัจจุบัน เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของอาเซียนให้สามารถดำเนินการจนบรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายไปได้ด้วยดี"กฎบัตรอาเซียน" ได้มีการลงนามรับรองจากผู้นำอาเซียนในแต่ละประเทศไปเมื่อครั้งที่มีการจัดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 13 เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2550 ณ ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญที่ได้เปลี่ยนแปลงให้ "อาเซียน" กลายเป็นองค์กรที่มีสถานะเป็นนิติบุคคลในฐานะที่เป็นองค์กรระหว่างรัฐบาล อีกทั้งยังได้มีการให้สัตยาบันกฎบัตรอาเซียนครบทั้ง 10 ประเทศ เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2551 เป็นผลให้ "กฎบัตรอาเซียน" มีผลบังคับใช้นับตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2551 เป็นต้นไป


  • ประการที่ 1 การเปิดประชาคมอาเซียนจะทำให้เศรษฐกิจของไทยเรามีมูลค่ารวมกันกว่า 1.8 ล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐ ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 9 ของโลก ทำให้เกิดประโยชน์ด้านการค้าขาย ให้คนไทยได้ยืนหยัดได้ด้วยความสง่างาม จากนั้น "ยิ้มสยาม" ก็จะถูกมองเห็นได้เด่นขึ้น มีหน้ามีตา และมีฐานะที่ดีขึ้น
  • ประการที่ 2 ผู้บริโภคมีตัวเลือกในการเลือกซื้อสินค้าที่หลากหลายมากขึ้น ผู้ผลิตสามารถขยับขยายธุรกิจของตนเองได้ง่าย ส่งออกสินค้าได้ในปริมาณที่มากขึ้น ส่งผลให้การค้าขายระหว่างไทยกับอาเซียนคล่องตัว อีกทั้งกำแพงภาษีที่เคยสูงก็จะลดลง เพราะตลาดการค้าใน 10 ประเทศจะรวมกันกลายเป็นตลาดเดียว
  • ประการที่ 3 ตลาดการค้าของไทยเราจะขยายตัวเพิ่มขึ้น จากการเป็นตลาดของคน 67 ล้านคน กลายเป็นตลาดของคนอีก 950 ล้านคน ส่งผลให้ไทยกลายเป็นแหล่งลงทุนที่มีเสถียรภาพ สามารถลงสนามแข่งขันกับจีนและอินเดียเพื่อดึงดูดให้มีผู้มาลงทุนได้มากขึ้น เป็นผลมาจากการผลิตสินในประเทศไทยสามารถส่งออกไปค้าขายยังอีก 9 ประเทศสมาชิกได้เหมือนกับการส่งของไปขายยังต่างจังหวัด
  • ประการที่ 4 การรวมตัวกันเป็นประชาคม จะทำให้มีสังคมขนาดใหญ่ ผลักดันให้เกิดการพัฒนาในด้านเครือข่ายการสื่อสารโทรคมนาคมระหว่างประเทศ เพื่อประโยชน์ในด้านการค้าและการลงทุน อีกทั้งการติดต่อสื่อสาร ได้ไปมาหาสู่ ติดต่อสื่อสารกันจะช่วยให้ประชากรในประชาคมอาเซียนมีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน มีความสนิทสนมและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กันมากขึ้น ก่อให้เกิดผลดีต่อสันติสุขในสังคม ก่อเกิดเป็นความเข้าใจอันดี ตลอดจนเกิดความร่วมกันโดยรวม นับเป็นผลทางสร้างสรรค์ให้อีกหลากหลายมิติ
  • ประการที่ 5 ประเทศไทยมีภูมิศาสตร์และทำเลซึ่งตั้งอยู่บนจุดกึ่งกลางภาคพื้นแผ่นดินใหญ่อาเซียน ดังนั้นประเทศไทยย่อมได้รับประโยชน์จากปริมาณการคมนาคมขนส่ง โดยมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มมากขึ้นภายในอาเซียน และระหว่างอาเซียนกับเจียน มากกว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเดียวกัน บริษัทด้านขนส่ง คลังสินค้า และปั๊มน้ำมันจะได้รับประโยชน์อย่างเห็นได้ชัด หากมองกันให้ชัด การเปิดประชาคมอาเซียนอาจจะยังส่งผลทั้งด้านลบและด้านบวกต่อประเทศไทย ขึ้นอยู่ที่พวกเราคนไทยจะเตรียมรับมือกับการเปิดประชาคมนี้อย่างไร

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

โครงงาน IS1

10 สถานที่ท่องเที่ยวในอัมสเตอร์ดัม

สนธิสัญญาโตเกียว